top of page

ปัญหาฝุ่น PM 2.5

  • S.W.
  • 29 พ.ค.
  • ยาว 1 นาที

ปัญหาฝุ่น PM2.5 ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในบ้านเมืองของเรา ซึ่งฝุ่นเดังกล่าวเกิดจากภัยทางธรรมชาติ  การเผาไหม้จากท่อไอเสียรถยนต์  มอเตอร์ไซด์ การก่อสร้าง  โรงงานที่ใช้พลังงานที่ไม่สะอาด รวมถึงการเผาไม้เชื้อเพลิง    คลอโรฟิลล์ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่กำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ที่ต้องการบำรุงร่างกาย ดีท็อกซ์และขับล้างสารพิษ เนื่องจากในคลอโรฟิลล์นั้นมีคุณประโยชน์ทั้งในด้านการขับล้างสารพิษจำพวกโลหะหนักในร่างกาย รวมทั้งยังช่วยบำรุงระบบขับถ่ายให้ดีขึ้น ลดอาการท้องผูก นอกจากนี้ยังช่วยลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ของร่างกาย เช่น กลิ่นตัวหรือกลิ่นปากอีกด้วย

ประโยชน์


คลอโรฟิลล์  คือ  สารสีเขียวตามธรรมชาติที่พบในพืช โดยมีประโยชน์ต่อร่างกายคือ ช่วยดีท็อกซ์สารพิษในร่างกาย ปรับสมดุลระบบขับถ่าย ลดกลิ่นตัวหรือกลิ่นปาก และส่งเสริมสุขภาพโดยรวมให้แข็งแรง

คลอโรฟิลล์  คือ สารสีเขียวที่พบได้ในพืช ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการสังเคราะห์แสงในพืช แต่สำหรับคนแล้วอาหารเสริมคลอโรฟิลล์จะมีคุณประโยชน์ ดังต่อไปนี้

•           ดีท็อกซ์หรือดักจับสารพิษต่าง ๆ โดยเฉพาะสารพิษที่ปนเปื้อนในทางเดินอาหาร เช่น โลหะหนัก และช่วยขับออกจากร่างกายทางระบบขับถ่าย

•           ช่วยในการขับถ่าย เพราะเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งจึงช่วยเพิ่มกากใย ทำให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ดีขึ้น

•           ปรับสมดุลระบบขับถ่าย โดยเป็นอาหารให้กับแบคทีเรียดีในทางเดินอาหาร ช่วยให้แบคทีเรียเจริญเติบโตได้อย่างเหมาะสม และช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น

•           ลดกลิ่นไม่พึงประสงค์ เช่น ลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก และกลิ่นอุจจาระ จากการช่วยดูดซับกลิ่นต่าง ๆ ในทางเดินอาหาร ทำให้กลิ่นไม่พึงประสงค์ลดลง

•           เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยปกป้องเซลล์ร่างกายและลดความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ

 

                อาหารเสริมคลอโรฟิลล์เหมาะกับผู้ที่ต้องการขับสารพิษหรือดีท็อกซ์ร่างกาย เช่น ผู้ที่ทานอาหารแปรรูปมาก ผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่ รวมไปถึงผู้ที่มีปัญหาท้องผูก ต้องการปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร และผู้ที่ต้องการลดกลิ่นตัว กลิ่นปาก


ไฟเบอร์กับคลอโรฟิลล์ ต่างกันอย่างไร

            ทั้ง 2 ชนิดดีต่อระบบขับถ่ายเหมือนกัน แต่ไฟเบอร์จะช่วยให้ขับถ่ายง่ายและระบายท้อง โดยการเพิ่มกากใยเพื่อเพิ่มมวลอุจจาระ ส่วนคลอโรฟิลล์จะเน้นปรับสมดุลระบบทางเดินอาหารในระยะยาว  อาหารเสริมไฟเบอร์และอาหารเสริมคลอโรฟิลล์มีส่วนช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย แต่มีความแตกต่างกัน ดังนี้

•           อาหารเสริมไฟเบอร์ สกัดจากเส้นใยพืช เช่น ธัญพืช ผัก ผลไม้ โดยมีกลไกการทำงาน คือ เพิ่มปริมาณอุจจาระ ดูดซับน้ำ ทำให้ขับถ่ายง่ายขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้อิ่มนาน จึงช่วยควบคุมน้ำหนักได้

•           อาหารเสริมคลอโรฟิลล์ มาจากพืชสีเขียว โดยมักสกัดจากสาหร่ายสไปรูลิน่าและอัลฟัลฟ่า มีคุณสมบัติในการจับกับสารพิษ ปรับสมดุลทางเดินอาหาร ช่วยให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ทำงานได้ดีขึ้น แต่ไม่ได้เพิ่มมวลอุจจาระ

โดยสรุปแล้วทั้งคลอโรฟิลล์และไฟเบอร์มีส่วนช่วยเรื่องระบบขับถ่ายเช่นเดียวกัน แต่มีกลไกการทำงานที่ต่างกัน ซึ่งสำหรับผู้ที่มีปัญหาท้องผูกที่ต้องการการระบายอย่างรวดเร็ว ไฟเบอร์จะช่วยเพิ่มปริมาณอุจจาระและทำให้รู้สึกอยากถ่ายได้เร็วกว่า ส่วนคลอโรฟิลล์จะค่อย ๆ ปรับสมดุลลำไส้ แต่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นให้อยากถ่าย

ทั้งนี้ อาหารเสริมไฟเบอร์และคลอโรฟิลล์สามารถทานคู่กันได้ และมีส่วนช่วยเสริมประโยชน์กันจากการเพิ่มกากใยและการปรับสมดุลลำไส้


วิธีการเลือกคลอโรฟิลล์

-  เลือกอาหารเสริมคลอโรฟิลล์ที่สกัดจากธรรมชาติแท้ 100% และมีปริมาณสารสกัดเข้มข้นเพียงพอ

-  เลือกคลอโรฟิลล์สูตรที่มีสารอาหารอื่น ๆ เสริมได้เพื่อประโยชน์ในการบำรุงแบบครอบคลุม

- หลีกเลี่ยงคลอโรฟิลล์สูตรที่มีส่วนผสมของน้ำตาลเพื่อสุขภาพที่ดีในระยะยาว

-  หากต้องการประสิทธิภาพการออกฤทธิ์ดีที่สุด แนะนำให้เลือกคลอโรฟิลล์แบบผงชง


ปัจจุบันคลอโรฟิลล์ที่ถูกสกัดออกมาเป็นส่วนผสมของอาหารเสริมหลากหลายยี่ห้อมีกรรมวิธีการผลิตที่แตกต่างกัน โดยแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่

 

•           แบบผงชง เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพดี ดูดซึมได้เร็วที่สุด เหมาะกับคนทุกกลุ่ม สามารถทานด้วยการผสมน้ำ อาหาร หรือเครื่องดื่มอื่น ๆ ได้ รวมทั้งยังมีรูปแบบที่ผสมสารอาหารหลากหลาย เช่น ไฟเบอร์ เพื่อช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย ซึ่งเหมาะกับทั้งผู้ที่ต้องการดีท็อกซ์ลำไส้และผู้ที่มีปัญหาระบบขับถ่าย

•           แบบน้ำ หรือเครื่องดื่มผสมคลอโรฟิลล์ต่าง ๆ เป็นรูปแบบพร้อมดื่ม คลอโรฟิลล์พร้อมออกฤทธิ์ได้ทันที แต่มักมีส่วนผสมของน้ำตาลหรือสารแต่งกลิ่นแต่งรส เพื่อให้ดื่มได้ง่าย เหมาะกับผู้ที่ต้องการการบำรุงเป็นครั้งคราว

•           แบบแคปซูล เป็นรูปแบบที่กลบกลิ่นกลบรสได้ดี ปกติจะไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลและสารให้ความหวาน แต่กระจายตัวและออกฤทธิ์ได้ช้ากว่าแบบอื่น เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ชอบกลิ่นเหม็นเขียวหรือกลิ่นรสของผักใบเขียว


กินตอนไหนดีที่สุด

โดยทั่วไปแล้วคลอโรฟิลล์สามารถทานได้ทุกเวลา แต่จะแนะนำให้ทานอาหารเสริมคลอโรฟิลล์พร้อมหรือหลังอาหารในมื้อเช้า เสมือนการได้รับคลอโรฟิลล์จากการทานอาหารตามปกติของร่างกาย และควรดื่มน้ำตามมาก ๆ เพื่อให้คลอโรฟิลล์กระจายตัวได้ดี และออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กินทุกวันได้ไหม

คลอโรฟิลล์มีความปลอดภัยสูงเสมือนการทานผักใบเขียว ผลไม้ สามารถทานติดต่อกันได้ทุกวันในปริมาณที่เหมาะสม คือ 50 - 200 มิลลิกรัมต่อวัน แต่ไม่ควรเกิน 300 มิลลิกรัมต่อวัน

ข้อควรระวังอย่างไรบ้าง

ผลข้างเคียงที่อาจพบจากการทานอาหารเสริมคลอโรฟิลล์ ได้แก่ ปัสสาวะและอุจจาระมีสีเขียว ลิ้นเปลี่ยนเป็นสีเหลือง หรือดำ ซึ่งเป็นผลข้างเคียงตามปกติจากสีของคลอโรฟิลล์ ไม่มีอันตราย และหายไปได้เองหลังจากหยุดทาน แต่หากมีอาการท้องเสีย อาการแพ้ เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก ควรหยุดและหลีกเลี่ยงการทานอาหารเสริมคลอโรฟิลล์

นอกจากนี้ ควรระวังการทานอาหารเสริมคลอโรฟิลล์ในกลุ่มคนต่อไปนี้

•           หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร เนื่องจากยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยในคนกลุ่มนี้

•           ผู้ที่เป็นโรค G6PD

•           ผู้ที่มีประวัติไวต่อแสง เนื่องจากคลอโรฟิลล์อาจทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้น

•           ผู้ป่วยที่มีประวัติแพ้คลอโรฟิลล์

•           ผู้ที่มีการทานยารักษาโรคประจำตัว เนื่องจากอาจรบกวนการดูดซึมข

 

ชลนที

Comentarios


bottom of page