หญ้าสำหรับปลูก

การเลือกหญ้าสำหรับปลูกที่บ้านนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศในพื้นที่ ปริมาณแสงแดดที่ได้รับ ความถี่ในการดูแลรักษาที่ต้องการ รวมถึงวัตถุประสงค์ในการใช้งาน เรามาดูหญ้ายอดนิยมแต่ละชนิดพร้อมข้อดีและข้อควรพิจารณากันครับ

หญ้านวลน้อย (Manila Grass, Zoysia Grass)

ข้อดี:

• ทนทานต่อแดดจัด: เป็นหญ้าที่ทนแดดได้ดีมาก เหมาะกับสภาพอากาศเมืองไทยที่ร้อน

• ทนต่อการเหยียบย่ำ: เหมาะสำหรับสนามหญ้าที่ใช้งานบ่อย มีคนเดินหรือเด็กวิ่งเล่น

• ดูแลรักษาง่าย: เติบโตง่ายในดินหลายชนิด ทั้งดินทรายและดินเหนียว ไม่ค่อยมีโรคหรือแมลง

• สัมผัสนุ่ม: ให้ความรู้สึกนุ่มสบายเท้า เหมาะสำหรับการนั่งเล่นพักผ่อน

• เขียวสวย: เมื่อได้รับน้ำและแสงแดดเพียงพอจะแตกตัวคลุมหน้าดินได้เร็วและเขียวสวยงาม

ข้อควรพิจารณา:

• ต้องรดน้ำสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงแรกของการปลูก

• ควรตัดหญ้าอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง หรือบ่อยกว่านั้นเพื่อให้หญ้าสวยงาม

หญ้ามาเลเซีย (Tropical Carpet Grass)

ข้อดีซ

• ชอบที่ร่มรำไร: เป็นหญ้าที่ทนร่มได้ดีที่สุด เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ได้รับแสงแดดไม่เต็มวัน เช่น ใต้ต้นไม้ หรือบริเวณที่มีเงาอาคาร

• ใบนุ่ม หนา: ให้สัมผัสที่สบายเท้า เย็นสบาย

• วัชพืชขึ้นยาก: เมื่อหญ้าโตเต็มที่จะช่วยป้องกันวัชพืชได้ดี

• ดูแลรักษาง่าย: ไม่ต้องการการดูแลมากนัก

ข้อควรพิจารณา:

• ถ้าปล่อยให้ใบยาวมากอาจตัดยาก

• ใต้ใบมีขนเล็กๆ อาจระคายเคืองสำหรับบางคน

หญ้าญี่ปุ่น (Japanese Lawngrass, Zoysia japonica)

ข้อดี:

• สวยงาม แข็งแรง: มีใบเล็กละเอียด ปลายใบแข็ง สีเขียวเข้ม ให้ความรู้สึกเรียบเนียน สวยงาม

• ทนทานต่อการเหยียบย่ำ: เหมาะสำหรับพื้นที่ที่ใช้งานหนัก

• โตช้า: ทำให้ไม่ต้องตัดบ่อยเท่าหญ้านวลน้อย ช่วยประหยัดเวลาในการดูแล

• ทนแล้ง: สามารถทนสภาพแห้งแล้งได้ดีในระดับหนึ่ง

ข้อควรพิจารณา:

• ปลายใบแข็ง อาจระคายผิวเวลาสัมผัสหรือนั่งเล่น

• ชอบแดดจัดตลอดทั้งวัน ถ้าอยู่ในที่ร่มอาจโตไม่ดี

• การตัดแต่งค่อนข้างยากและต้องออกแรงมากกว่าหญ้าชนิดอื่น

หญ้าไทเป (Taiwanese Grass)

ข้อดี:

• แทบไม่ต้องตัด: เป็นจุดเด่นสำคัญของหญ้าชนิดนี้ เพราะเติบโตในแนวราบ ไม่สูงขึ้น ทำให้ไม่ต้องตัดหญ้าบ่อย หรือบางคนอาจไม่ตัดเลย

• ดูแลง่าย: เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลาดูแลสวน

• ทนทาน: มีความทนทานดี

• ใบนุ่ม: ให้ความรู้สึกนุ่มสบายเท้าเมื่อเดินหรือนั่ง

ข้อควรพิจารณา:

• การขยายตัวค่อนข้างช้าในช่วงแรก

• ถ้าพื้นที่ไม่ได้รับแดดเท่าที่ควร อาจจะพยายามเลื้อยยาวขึ้นเพื่อหาแสง

หญ้าเบอร์มิวด้า (Bermuda Grass)

ข้อดี:

• นทานสูง: ทนต่อการเหยียบย่ำได้ดีมาก ทนแล้ง ทนน้ำท่วมได้ดี

• ฟื้นตัวเร็ว: เมื่อหญ้าเสียหายสามารถฟื้นตัวได้ค่อนข้างเร็ว

• เหมาะกับแดดจัด: เติบโตได้ดีในที่ที่มีแสงแดดจัด

ข้อควรพิจารณา:

• ต้องการการดูแลและบำรุงรักษามากกว่าหญ้าชนิดอื่นเพื่อให้สวยงาม

• มีการเจริญเติบโตที่รวดเร็ว ทำให้ต้องตัดบ่อย

หญ้าพาสพาลัม (Paspalum Grass)

ข้อดี:

• ทนทานต่อสภาพแวดล้อม: ทนเค็ม ทนน้ำขังได้ดี เหมาะสำหรับพื้นที่ใกล้ทะเล หรือบริเวณที่มีน้ำท่วมขังเป็นบางครั้ง

• เขียวสวย: ให้สีเขียวสดใสสวยงาม

• ทนต่อการเหยียบย่ำ: เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป

ข้อควรพิจารณา:

• อาจไม่เป็นที่นิยมเท่าหญ้าชนิดอื่นในบ้านพักอาศัยทั่วไป

• อาจหาซื้อยากกว่าหญ้าชนิดอื่น

สรุป: ก่อนตัดสินใจเลือกหญ้า ควรพิจารณาสภาพแวดล้อมในบ้านของคุณเป็นหลัก เช่น

• ปริมาณแสงแดด: ถ้าแดดจัดตลอดวัน เลือกหญ้านวลน้อยหรือหญ้าญี่ปุ่น แต่ถ้าเป็นร่มรำไร หญ้ามาเลเซียคือตัวเลือกที่ดี

• ความถี่ในการดูแล: ถ้ามีเวลาน้อย หญ้าไทเปเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะไม่ต้องตัดบ่อย

• การใช้งาน: ถ้าเป็นสนามที่เด็กๆ วิ่งเล่นบ่อย ควรเลือกหญ้าที่ทนการเหยียบย่ำและใบนุ่ม เช่น หญ้านวลน้อย หรือหญ้ามาเลเซีย

การเตรียมดินที่ดีและการรดน้ำอย่างสม่ำเสมอในช่วงแรกของการปลูกก็เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้หญ้าของคุณสวยงามและแข็งแรงครับ